เรื่องย่อ :
เมื่อภาคแรกประสบความสำเร็จ ภาคต่อย่อมต้องตามมาครับ กับเรื่องราวที่ใหญ่กว่า และมีระเบิดกับกระสุนในปริมาณที่มากกว่า 1 ปีหลังจากเหตุการณ์ที่ตึกนากาโตมิที่แอล.เอ จอห์น แม็คเคลน (Bruce Willis) ก็ไม่ได้หวังอะไรมากนอกจากอย่ามีเรื่องบ้าๆ เกิดขึ้นกับเขาอีกเลย แต่แล้วระหว่างที่เขากำลังรอรับการมาของฮอลลี่ (Bonnie Bedelia) เมียสุดที่รัก อยู่ที่สนามบิน เขาก็เริ่มพบเงื่อนงำแปลกๆ ตั้งแต่กลุ่มคนลึกลับที่พกปืนและยังย่องเข้าไปในเขตห้ามเข้าอีก สังหรณ์ของจอห์นก็ทำงานล่ะครับ เป็นไปได้ว่างานนี้ต้องมีเหตุไม่ชอบมาพากลแน่ และสิ่งที่เขากลัวก็เป็นจริง เพราะเที่ยวบินที่จะมาลงที่สนามบินดาเลสวันนี้ นอกจากของเมียเขาแล้ว ยังมีเที่ยวบินพิเศษที่นำตัวนายพลราโมน เอสเพอรันซ่า (Franco Nero) ผู้นำจอมโหดที่เป็นอาชญากรระดับโลกมาเพื่อรับโทษ และจากการรวมหลักฐานเท่าที่มี จอห์นก็รู้ได้อย่างไม่ยากเย็นว่าขณะนี้มีคนกำลังจะมาชิงตัวท่านนายพลผู้นี้แล้วแน่ๆ แต่ที่แย่กว่าคือ ไอ้พวกผู้ร้าย ที่นำโดย ผู้การสจ๊วต (William Sadler) นั้น มันมีแผนชิงตัวโดยเอาชีวิตผู้โดยสารบนเครื่องบินลำอื่นๆ มาเป็นเครื่องต่อรอง พูดง่ายๆ ถ้าจอห์นไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะก็ เมียของเขาและคนบนเครื่องอีกนับร้อยชีวิตจะต้องประสบชะตากรรมเครื่องบินโหม่งโลกตายอย่างอนาจแน่นอน และคริสต์มาสปีนี้ พี่จอห์นก็ต้องมาวิ่งพล่านอีกจนได้ นึกแล้วก็ฮาดีครับ คิดดูคนๆ หนึ่งต้องมาซวยซ้ำซวยซ้อนรับคริสต์มาสเนี่ย ปีก่อนก็เกือบตายมาที มาปีนี้ก็เอาอีก ในหนังพี่จอห์นแกยังพูดเลยครับ ว่า "ทำไมเราต้องมามุดช่องแอร์อัปรีย์นี่ทุกปีเลยวะ" ภาคนี้ความสนุกยังคงมีอยู่ครับ แม้จะไม่เด็ดเท่าภาคแรก แต่ก็บอกได้เต็มปากล่ะว่ามันส์ เพราะภาคนี้ส่วนที่พร่องลงไปคือความกดดันจากสถานที่อันจำกัดและความฉลาดของผู้ร้ายที่ไม่มากเท่าพี่ฮานส์ กรูเบอร์จากภาคแรก เพราะภาคนี้มันวิ่งพล่านทั้งสนามบินเลยครับ แล้วก็ไล่ยิงกันแบบไม่กลัวเปลืองกระสุน ไม่มีย่องตอดแบบภาคก่อนแล้ว ซึ่งก็มันส์ไปอีกแบบนะครับ อย่างที่บอกนั่นแหละ ภาคนี้เอามันส์จริงๆ แล้วหนังก็ลงทุนมากขึ้นด้วย ฉากระเบิดเพียบ ไล่ฆ่ากันมันส์ไปเลยครับ Bruce Willis ดูจะสนุกไปกับบทแล้วครับ เล่นไปพ่นมุขไป ได้ข่าวว่าพี่แกคิดคำพูดเด็ดๆ เองหลายอันครับ ท่าจะอินกับบทไปแล้วล่ะมั้ง ส่วน William Sadler ผู้ร้ายของเรื่องก็ดูโหดเหี้ยมแบบทหารครับ เพียงแต่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ แต่ก็โอเคน่ะ มีกำลังในการสู้ก็โอเคในระดับหนึ่ง ดาราเก่าจากภาคแรกที่มีเล่นก็มี Bonnie Bedelia ในบทภรรยาของแม็คเคลนนะครับ เธกอ็ยังคงสวยและดุมีสมองอยู่ตามเคย เช่นเดียวกับ William Atherton ในบทริชาร์ด ธอร์นเบิร์ก ในบทนักข่าวจอมเจ๋อแบบภาคแรกเลย มาภาคนี้ยังเจือกไม่เลิกครับ ก็โดนดีไปอีกรอบ สมน้ำหน้าจริงๆ และ Reginald VelJohnson ก็ยังมารับเชิญเป็นบท อัล น่ะครับ มาช่วยจอห์นตอนต้นเรื่องนิดหน่อย แล้วก็ยังมี John Amos มาปเนผู้พันแกรนท์ นายทหารที่โดนส่งตัวมาไล่จับผู้การสจ๊วตในตอนครึ่งหลัง และ Dennis Franz มาเป็นผู้กองคาร์ไมน์ ลอเรนโซ หัวหน้าตำรวจประจำสนามบินที่ต่อปากต่อคำกับจอห์นตลอดทั้งเรื่อง ภาคนี้หนังก็ยังหยิบเอานิยายมาสร้างตามเคยครับ คือเรื่อง 58 Minutes ของ Walter Wager ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนิยายภาคแรกเลยนะครับ แค่หยิบเอาโครงเรื่องมาเท่านั้นเอง ส่วนผู้กำกับก็เป็นพี่ Renny Harlin ที่ค่อนข้างมีชื่อจากหนัง A Nightmare on Elm Street 4: The Dream Master อันเป็นหนังนิ้วเขมือบภาคที่ทำเงินสุงที่สุดน่ะนะครับ มาเรื่องนี้พี่แกก็ทำหนังได้เมามันส์ครับ เพลินดี แม้บทจะอ่อนลง แต่ก็มีแกบู๊เจ่งๆ ใส่ลงมาตลอด หนังเลยไม่น่าเบื่อครับ มันส์ได้ตลอดทั้งเรื่อง โม้แบบสะนั้นหั่นแหลกจริงๆ ตอนแรกนั้น ผู้กำกับ John McTiernan จากภาคแรกก็ว่าจะมาทำอยู่ครับ แต่เผอิญเขาดันติดงานต้องกำกับ The Hunt For Red October น่ะครับ เลยไม่ได้มาทำ (แต่เขาก็ได้มาทำในภาค 3 นะครับ) ถ้าท่านอยากได้ความมันส์ ก็ได้แน่ๆ ครับ หนังสนุกเอาเรื่อง น่าติดตามและตื่นตาตลอด และจะว่าไปบทหนังแม้จะไม่เข้มข้นเท่าภาคแรก แต่มันก็มีความซับซ้อนในช่วงท้ายมาแทน ก็พอจะทดแทนได้น่ะครับ มันส์ดี ในระดับที่ต้องดูกันต่อครับ